การเข้าใจผิด คือ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับหลายคนเมื่อมีการพูดถึงระบบดับเพลิง ปัจจุบันในปี 2023 นี้มีความแตกต่างในระบบดับเพลิงขึ้นอย่างมาก เราจะมาทบทวนความเข้าใจผิดที่พบบ่อยและแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทราบความเป็นจริงเกี่ยวกับระบบดับเพลิงในปี 2023 ดังนี้
ความเข้าใจผิด : เครื่องดับเพลิงทุกแบบมีประสิทธิภาพเหมือนกันหมด
การคิดว่าเครื่องดับเพลิงทุกแบบมีประสิทธิภาพเหมือนกันคือความเข้าใจผิด ในความเป็นจริง ถังดับเพลิงหรือเครื่องดับเพลิงถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับประเภทของไฟที่ต้องดับ เช่น
Class A
ถังดับเพลิงประเภทนี้ใช้สำหรับสารติดไฟทั่วไป เช่น ไม้ กระดาษ และสิ่งทอ
Class B
ถังดับเพลิงประเภทนี้เหมาะสำหรับของเหลวไวไฟ เช่น น้ำมันเบนซินและน้ำมันก๊าด
Class C
ถังดับเพลิงประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อดับเพลิงไฟฟ้าที่เกิดจากอุปกรณ์ทำงานผิดปกติหรือสายไฟชำรุด
Class D
ถังดับเพลิงประเภทนี้จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโลหะที่ติดไฟได้
Class K
ถังดับเพลิงประเภทนี้ใช้ดับเพลิงที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและไขมันในการประกอบอาหาร
ความเข้าใจผิดนี้สามารถเป็นอันตรายและส่งผลให้การดับเพลิงไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะประสิทธิภาพของถังดับเพลิงขึ้นอยู่กับความเข้ากันได้กับประเภทของไฟที่ต้องดับ ดังนั้นควรเลือกถังดับเพลิงที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและประเภทของไฟที่เป็นไปได้
นอกจากนี้ การรู้ถึงระยะและเวลาในการจ่ายสารดับเพลิงก็มีความสำคัญ ถังดับเพลิงเคมีแห้ง ABC ขนาด 5 ปอนด์จะปล่อยสารออกได้ภายใน 10-15 วินาที ในระยะ 5-20 ฟุต ในขณะที่เครื่องดับเพลิง CO2 มีระยะการจ่ายสารที่สั้นกว่า 3-8 ฟุต ดังนั้นการเลือกใช้ระบบดับเพลิงที่มีระยะและเวลาที่เหมาะสมสำคัญอย่างมาก
ความเข้าใจผิด : การเปิดใช้งานสปริงเกอร์หนึ่งตัวส่งผลให้น้ำเปียกทั่วทั้งอาคาร
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย คือ คนมักจะเข้าใจผิดว่า การที่มีสปริงเกอร์หนึ่งตัวทำงาน จะทำให้มีน้ำไหลออกทั่วทั้งอาคาร แต่ความจริง คือ สปริงเกอร์ไม่ทำให้น้ำไหลออกทั่วทั้งอาคาร สปริงเกอร์ใช้กลไกของกระเปาะแก้ว โดยของเหลวที่มีกลีเซอรีนภายในกระเปาะจะขยายตัวที่อุณหภูมิระหว่าง 135°F ถึง 165°F เมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด หลอดไฟจะแตกกระจายและเปิดใช้งานสปริงเกอร์ กลไกนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีเพียงสปริงเกอร์ในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้เท่านั้นที่จะเริ่มทำงาน นำไปสู่การตอบสนองที่ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นไฟในห้องหนึ่งจะไม่ทำให้สปริงเกอร์ของอีกห้องหนึ่งทำงาน เว้นแต่ไฟจะลามไปยังบริเวณนั้น
ความเข้าใจผิด : เครื่องดับเพลิงไม่ต้องบำรุงรักษา
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย คือ เมื่อติดตั้งแล้ว ถังดับเพลิงจะใช้งานได้อย่างไม่มีกำหนด แต่ความจริง คือ การบำรุงรักษามีความสำคัญอย่างมากต่อถังดับเพลิงทุกประเภท ถังดับเพลิงทุกถังมีวันผลิตที่ชัดเจน และโดยปกติจะมีอายุการใช้งาน 5-15 ปี นอกจากนี้ ตามมาตรฐานส่วนใหญ่แล้วก็มักจะแนะนำให้บำรุงรักษาเป็นระยะ รวมถึงการตรวจสอบประจำปีและการตรวจสอบโดยละเอียดเพิ่มเติมทุกๆ หกปี
ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเกจวัดความดัน ตัวอย่างเช่น เครื่องดับเพลิง CO2 ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานที่ประมาณ 3,000 psi หากเข็มวัดเบี่ยงเบนไปจากโซนสีเขียว อาจเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจผิด : ระบบสารทำความสะอาดสามารถเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้
สารทำความสะอาดสมัยใหม่ เช่น FM-200 หรือ 3M Novec 1230 ได้รับการออกแบบมาเพื่อระงับเพลิงไหม้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ยังคงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ข้อได้เปรียบที่สำคัญของสารเหล่านี้ คือ ปลอดภัยต่อการสัมผัสของมนุษย์ที่ความเข้มข้นที่ใช้ในการดับเพลิง นอกจากนี้ สารทำความสะอาดเหล่านี้ไม่ได้ดับไฟด้วยการแทนที่ออกซิเจน แต่จะขัดขวางปฏิกิริยาเคมีของไฟ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้อยู่อาศัยจะไม่เสี่ยงต่อภาวะขาดอากาศหายใจ
ความเข้าใจผิด : ระบบดับเพลิงเชื่อถือได้เสมอ
การรักษาความปลอดภัยและความเชื่อถือในระบบดับเพลิงมีความสำคัญอย่างมากในการปกป้องทรัพย์สินและชีวิตคนในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าระบบดับเพลิงจะเป็นระบบล้ำสมัยแค่ไหนก็ตาม เราต้องระมัดระวังและขจัดความเข้าใจผิดที่บางครั้งอาจเกิดขึ้น เพื่อให้เราเข้าใจว่าระบบดับเพลิงไม่สามารถเชื่อถือได้เสมอ ต่อไปนี้คือเหตุผลที่สำคัญ
มาตรฐานและรหัสความปลอดภัยอยู่ในการพัฒนาตลอดเวลา
มาตรฐานและรหัสความปลอดภัยสำหรับระบบดับเพลิงไม่ได้เป็นสิ่งที่คงที่ตลอดเวลา พวกเขาต้องปรับปรุงตามความก้าวหน้าในการวิจัยและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเข้าใจการจัดการและระบบที่มีประสิทธิภาพ
การปรับใช้เทคโนโลยีใหม่
ระบบดับเพลิงสมัยใหม่ไม่เพียงแค่ตรงตามมาตรฐานเดิม แต่ยังนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้งาน เช่น การใช้ IoT (Internet of Things) สำหรับตรวจสอบและควบคุมระบบ การใช้เทคโนโลยีการวินิจฉัยระยะไกล เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับและรับมือกับเหตุการณ์เพลิงไหม้
ความสามารถในการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์
ระบบดับเพลิงสมัยใหม่มีความสามารถในการสร้างข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์ปัญหาที่เป็นไปได้ นี่คือการใช้ข้อมูลทางเทคโนโลยีในการบำรุงรักษาเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ประสิทธิภาพการดำเนินงานและการประหยัดต้นทุน
การนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในระบบดับเพลิงไม่เพียงแค่เพิ่มระดับความปลอดภัย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดค่าใช้จ่าย ทำให้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
ดังนั้น ควรทำการปรับปรุงและปรับใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานที่ทันสมัยในระบบดับเพลิง เพื่อรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและป้องกันความเสี่ยงในสถานที่ต่างๆ อย่างเหมาะสม การคิดเห็นนี้จะช่วยให้เราเข้าใจถึงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับระบบดับเพลิงและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อประสิทธิภาพที่มีประสิทธิผลและความปลอดภัยที่ดีขึ้นในอนาคตที่มาถึงอีกด้วย